ในยุคที่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิต การป้องกันเว็บไซต์เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง การป้องกันเว็บไซต์นั้นไม่ใช่เพียงเพื่อปกป้องข้อมูลของคุณ แต่ยังรักษาความเชื่อถือของผู้ใช้ และป้องกันการโจมตีที่เกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบ บทความนี้จะนำเสนอ 10 วิธีที่ควรทำเพื่อการป้องกันเว็บไซต์ของคุณให้มีความปลอดภัยสูงสุด ครอบคลุมทั้งการทำความเข้าใจถึงประเภทของการโจมตี การติดตั้งระบบความปลอดภัยที่เหมาะสม และการอบรมทีมงานให้เข้าใจถึงแนวทางต้านโจมตีออนไลน์
ประเด็นสำคัญ
- ทำความเข้าใจการโจมตีเว็บไซต์และผลกระทบ
- การติดตั้งและอัปเดตระบบความปลอดภัยเป็นประจำ
- ใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัยและการจัดการรหัสผ่าน
- กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้
- การใช้บริการ CDN เพื่อป้องกัน DDoS
ทำความเข้าใจการโจมตีเว็บไซต์และผลกระทบ
การโจมตีทางไซเบอร์มีหลายรูปแบบที่สามารถสร้างความเสียหายได้อย่างร้ายแรงต่อเว็บไซต์และข้อมูลของผู้ใช้ จำเป็นที่บริษัทและองค์กรจะต้องมีการป้องกันอย่างเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าถึงข้อมูลไม่มีสิทธิ์และเข้าใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการโจมตี
ประเภทการโจมตีที่พบบ่อย
การโจมตีเว็บไซต์มีหลายรูปแบบ โดยรูปแบบที่พบบ่อยได้แก่:
- การโจมตีแบบ DDoS: ทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้โดยการส่งคำขอเข้ามามากเกินไปในเวลาเดียวกัน
- การโจมตีโดยใช้การ Injection: เช่น SQL Injection ซึ่งสามารถทำลายฐานข้อมูลได้
- มัลแวร์: เป็นการเจาะระบบเพื่อขโมยข้อมูลหรือทำให้เว็บไซต์ทำงานผิดพลาด
การปกป้องจากการโจมตีเบื้องต้น
เพื่อป้องกันเว็บไซต์จากการโจมตีต่างๆ จำเป็นต้องใช้เทคนิคการป้องกันเว็บไซต์ให้เหมาะสม การป้องกันเบื้องต้นสามารถทำได้:
- ใช้ไฟร์วอลล์: เพื่อกรองและควบคุมการเข้าถึงข้อมูล
- จำกัดสิทธิ์ผู้ใช้: เพื่อลดความเสี่ยงในการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่มีสิทธิ์
- ติดตั้งซอฟต์แวร์ความปลอดภัย: เพื่อตรวจจับและป้องกันการโจมตีจากมัลแวร์
การใช้งานระบบป้องกันที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์และปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การติดตั้งและอัปเดตระบบความปลอดภัยเป็นประจำ
การติดตั้งซอฟต์แวร์ความปลอดภัยไม่เพียงแต่เป็นการป้องกันครั้งแรก แต่การอัปเดตอย่างสม่ำเสมอยังช่วยให้เว็บไซต์ต่อต้านกับภัยคุกคามใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน การอัปเดตระบบป้องกันและติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสทันทีเมื่อมีการเปิดตัวเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันช่องโหว่
ความสำคัญของการอัปเดตซอฟต์แวร์
การอัปเดตซอฟต์แวร์สำคัญมากเพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณปลอดภัยและได้รับการป้องกันจากมัลแวร์ การใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่มีการอัปเดตระบบป้องกันล่าสุดเป็นตัวช่วยในการป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่หวังดี
วิธีการอัปเดตแพทช์ความปลอดภัย
ต่อไปนี้คือขั้นตอนสำหรับการอัปเดตแพทช์ความปลอดภัย
- ตรวจสอบการอัปเดตที่มีอยู่จากผู้ให้บริการซอฟต์แวร์
- ติดตั้งการอัปเดตแพทช์ที่ได้รับมา
- รีสตาร์ทระบบหากจำเป็น
- ตรวจสอบว่ามีการติดตั้งและอัปเดตสำเร็จหรือไม่
การดำเนินการนี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้มีการป้องกันที่แข็งแรงและลดความเสี่ยงในการถูกโจมตีจากมัลแวร์และช่องโหว่ต่างๆ
ใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัยและการจัดการรหัสผ่าน
การรักษา ความปลอดภัยในการเข้าถึง ของบัญชีออนไลน์ทุกประเภทเริ่มจากการใช้ รหัสผ่านแข็งแกร่ง และไม่ซ้ำกันในแต่ละบัญชี ไม่ควรใช้ข้อมูลส่วนตัวหรือคำที่สามารถคาดเดาได้ง่าย เช่น วันเกิด ชื่อสัตว์เลี้ยง หรือเบอร์โทรศัพท์ เพราะนอกจากที่จะเสี่ยงต่อการถูกโจมตีแล้ว ยังทำให้การรักษาความลับของข้อมูลเป็นเรื่องยากขึ้นด้วย
วิธีสร้างรหัสผ่านที่แข็งแรง
การสร้างรหัสผ่านที่ถูกต้องนั้น ควรมีความหลากหลายในตัวอักษร ประกอบด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ต่าง ๆ การใช้ประโยคหรือวลีที่ไม่มีความหมายทางไวยากรณ์ ยังช่วยให้รหัสผ่านนั้นยากต่อการคาดเดาอีกด้วย นอกจากนี้ ควรเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำและไม่ใช้รหัสผ่านซ้ำกับบัญชีอื่น
การใช้เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
การใช้เครื่องมือจัดการรหัสผ่านเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษา การจัดการรหัสผ่าน ให้ปลอดภัย โดยเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยสร้าง รหัสผ่านแข็งแกร่ง โดยอัตโนมัติและเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย ทำให้ไม่ต้องจำรหัสผ่านเอง นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบว่ามีรหัสผ่านตัวใดที่ใช้ซ้ำหรือไม่ และแจ้งเตือนหากมีรหัสผ่านที่อ่อนแอหรือรั่วไหล
วิธีการสร้างรหัสผ่าน | ข้อดี | ข้อควรระวัง |
---|---|---|
ใช้ตัวอักษรหลากหลาย | ยากต่อการคาดเดา | ยังต้องเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำ |
การใช้เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน | สร้างและเก็บรักษาโดยอัตโนมัติ | ต้องเลือกเครื่องมือที่เชื่อถือได้ |
กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้
การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ การควบคุมการเข้าถึงสามารถทำได้โดยการกำหนดหน้าที่และสิทธิ์ตามบทบาท ซึ่งจะลดโอกาสที่ข้อมูลสำคัญจะรั่วไหล
การจำกัดสิทธิ์ผู้ใช้
การจำกัดสิทธิ์ผู้ใช้ควรทำตามหลักการนโยบายความปลอดภัย ซึ่งกำหนดให้ผู้ใช้แต่ละรายมีสิทธิ์การเข้าถึงตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย การควบคุมการเข้าถึงในลักษณะนี้จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์
การตรวจสอบบันทึกการเข้าถึง
การตรวจสอบบันทึกการเข้าถึงเป็นกระบวนการที่สำคัญในการติดตามการใช้งานเว็บไซต์และการกระทำของผู้ใช้ การตรวจสอบผู้ใช้ยังช่วยให้สามารถระบุและป้องกันการกระทำที่ไม่เหมาะสมได้ทันท่วงที การจัดทำรายงานการตรวจสอบยังสนับสนุนนโยบายความปลอดภัยขององค์กร
การป้องกันการโจมตีจากมัลแวร์
การโจมตีจากมัลแวร์เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยในปัจจุบันและสามารถนำไปสู่ความเสียหายที่รุนแรงต่อเว็บไซต์ อย่างไรก็ตาม มีหลายวิธีที่สามารถใช้ในการป้องกันและกำจัดมัลแวร์เพื่อปกป้องเว็บไซต์ให้ปลอดภัย
วิธีการติดตามและกำจัดมัลแวร์
การพบมัลแวร์คือขั้นตอนแรกในการป้องกันการโจมตีจากมัลแวร์ การตรวจสอบระบบอย่างสม่ำเสมอสามารถระบุและกำจัดมัลแวร์ได้อย่างทันท่วงที โดยมีวิธีการต่างๆ เช่น การใช้งานเครื่องมือตรวจสอบมัลแวร์ การสแกนระบบไฟล์ และการตรวจสอบกิจกรรมผิดปกติบนเซิร์ฟเวอร์
การใช้โปรแกรมแอนตี้มัลแวร์
การใช้โปรแกรมแอนตี้มัลแวร์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการโจมตีจากมัลแวร์ โปรแกรมเหล่านี้สามารถตรวจจับและกำจัดไวรัสได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับยังมีฟีเจอร์การป้องกันที่หลากหลาย เช่น การป้องกันการดาวน์โหลดไฟล์ที่น่าสงสัยและการตรวจสอบเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย
การใช้ SSL เพื่อเข้ารหัสข้อมูล
เทคโนโลยี SSL (Secure Sockets Layer) เป็นกลไกที่ทำให้ข้อมูลที่ส่งผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นความลับ มั่นใจได้ว่าข้อมูลระหว่างผู้ใช้และเว็บไซต์ไม่ได้ถูกดักจับหรือดัดแปลงโดยผู้ไม่หวังดี การใช้ ระบบ SSL มีความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรม เพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญต่างๆ
ความสำคัญของ SSL
ในการเข้ารหัสข้อมูล ระบบ SSL เป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุด การติดตั้ง SSL ช่วยปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ตั้งแต่ข้อมูลส่วนบุคคลไปจนถึงข้อมูลทางการเงิน ยิ่งไปกว่านั้นการใช้ SSL ยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์ และช่วยให้เกิดความปลอดภัยในการทำธุรกรรม อย่างครอบคลุม
การใช้งาน SSL ยังช่วยในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ เนื่องจากลูกค้ามักจะเลือกใช้บริการจากเว็บไซต์ที่มีความมั่นคงและปลอดภัย ซึ่งการมีระบบ SSL จะช่วยยืนยันความมั่นใจของลูกค้าเหล่านั้น
ด้วยเหตุนี้ เว็บไซต์ทุกประเภทตั้งแต่บล็อกส่วนตัวไปจนถึงเว็บไซต์ธุรกิจขนาดใหญ่ควรติดตั้ง SSL เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกโจมตีและเพิ่มความปลอดภัยในการเข้ารหัสข้อมูล
วิธีป้องกันเว็บไซต์ให้ปลอดภัยจากการโจมตีด้วย SQL Injection
การโจมตีด้วย SQL Injection เป็นรูปแบบการโจมตีที่แฮกเกอร์แทรกคำสั่ง SQL ที่ไม่พึงประสงค์เข้าไปในช่องอินพุตเว็บแอปพลิเคชัน เพื่อเข้าถึงและแก้ไขฐานข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต การป้องกัน SQL Injection เป็นเรื่องสำคัญเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
ทำความเข้าใจ SQL Injection
เพื่อ ป้องกัน SQL Injection ก่อนอื่นเราควรเข้าใจตำแหน่งและวิธีการที่แฮกเกอร์ใช้ ช่องโหว่ในโค้ดที่เขียนไม่ถูกต้องหรือไม่เข้มงวดเพียงพอสามารถทำให้แฮกเกอร์แทรกคำสั่ง SQL ในช่องว่างของอินพุต เช่น ช่องค้นหาหรือฟอร์มกรอกข้อมูลต่างๆ แฮกเกอร์สามารถใช้คำสั่ง SQL เพื่อเปิดเผยข้อมูลที่มีความสำคัญหรือลบข้อมูลออกจากฐานข้อมูลได้
เทคนิคการป้องกันการโจมตี
การป้องกันการโจมตีนี้สามารถทำได้โดยมี เทคนิคความปลอดภัยสำหรับฐานข้อมูล ที่มีประสิทธิภาพ ดังนี้:
- การใช้ Prepared Statements: การเขียนโค้ดด้วยการใช้ prepared statements ช่วยลดความเสี่ยงจากการแทรกคำสั่ง SQL ที่เป็นอันตราย เพราะการแยกอินพุตที่ผู้ใช้ให้มากับคำสั่ง SQL ทำให้ไม่สามารถแทรกคำสั่ง SQL ได้ง่าย
- การใช้ Stored Procedures: เป็นการเขียนคำสั่ง SQL ที่เก็บในฐานข้อมูล และสามารถเรียกใช้ใหม่ได้ โดยการใช้งานนี้จะลดข้อผิดพลาดจากการแทรกคำสั่งที่ไม่ถูกต้องจากผู้ใช้
- การตรวจสอบอินพุตอย่างละเอียด: การตรวจสอบความถูกต้องและความปลอดภัยของข้อมูลที่ผู้ใช้กรอกเข้ามาในฟอร์มหรือหน้าเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงจากการแทรกคำสั่งที่เป็นอันตราย
- การใช้การเข้ารหัสข้อมูล: การเข้ารหัสข้อมูลช่วยให้ข้อมูลที่ส่งระหว่างผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ปลอดภัยจากการถูกดักจับและแก้ไข
การตรวจสอบมาตรการป้องกัน ควรทำเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าเทคนิคความปลอดภัยสำหรับฐานข้อมูล ที่ใช้ยังคงมีประสิทธิภาพและป้องกันความเสี่ยงจากการโจมตีรูปแบบใหม่ๆ
การตรวจสอบและแก้ไขช่องโหว่ของเว็บไซต์
การทดสอบช่องโหว่คือขั้นตอนแรกที่สำคัญในการรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ การตรวจสอบเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยในการค้นพบช่องโหว่ที่อาจถูกใช้โดยผู้โจมตี การทดสอบช่องโหว่จะทำให้รู้ถึงข้อบกพร่องที่มีอยู่
หลังจากการตรวจสอบแล้ว การแก้ไขช่องโหว่จะต้องดำเนินการในทันทีเพื่อป้องกันเหตุการณ์การโจมตีต่อไป การปรับปรุงความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในการป้องกันปัญหาในอนาคต
การค้นหาช่องโหว่และการแก้ไขช่องโหว่ควรทำงานร่วมกันเสมอ เช่นเดียวกับการปรับปรุงความปลอดภัยที่ต้องทำอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์
การสำรองข้อมูลเว็บไซต์เป็นประจำ
การสำรองข้อมูลเป็นประจำเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การกู้คืนข้อมูลสามารถทำได้ในกรณีที่เกิดปัญหาหรือเมื่อข้อมูลสูญหาย การรักษาข้อมูลอย่างปลอดภัยเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญของเราจะไม่ถูกสูญเสียไปอย่างถาวร
ประโยชน์ของการสำรองข้อมูล
การสำรองข้อมูลเว็บไซต์ไม่เพียงแต่ช่วยให้สามารถกู้คืนข้อมูลได้ แต่ยังสามารถลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีหรือระบบล้มเหลวได้อีกด้วย นอกจากนี้ การสำรองข้อมูลออนไลน์ยังช่วยให้การกู้คืนข้อมูลทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลจากทุกที่ทุกเวลา
การเลือกวิธีการสำรองข้อมูล
การเลือกวิธีการสำรองข้อมูลที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรเป็นสิ่งสำคัญ ตัวเลือกยอดนิยมได้แก่การสำรองข้อมูลออนไลน์และการใช้ฮาร์ดแวร์สำรองข้อมูล การสำรองข้อมูลออนไลน์มีข้อดีคือสะดวกและเข้าถึงได้ง่าย ในขณะที่ฮาร์ดแวร์สำรองข้อมูลให้การรักษาข้อมูลอย่างปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือ
ประเภทการสำรองข้อมูล | ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|---|
การสำรองข้อมูลออนไลน์ | สะดวกและเข้าถึงได้ทุกที่ | อาจมีค่าใช้จ่ายสูง |
ฮาร์ดแวร์สำรองข้อมูล | มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย | ต้องการการดูแลรักษาและการจัดการ |
ใช้บริการ CDN เพื่อป้องกัน DDoS
เครือข่ายการจัดส่งเนื้อหา (CDN) เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์และเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันการโจมตีแบบ DDoS โดยการกระจายข้อมูลไปยังหลากหลายจุดทั่วโลก
แนะนำบริการ CDN
บริการ CDN ช่วยในการกระจายการรับส่งข้อมูล เพื่อไม่ให้เว็บไซต์ต้องรับภาระจากการจราจรที่ผิดปกติจำนวนมากซึ่งอาจทำให้เกิดการโจมตี DDoS ตัวอย่างของบริการ CDN ที่ได้รับความนิยมได้แก่:
- Cloudflare
- Amazon CloudFront
- Akamai
- Fastly
บริการ CDN เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ผ่านการกระจายข้อมูลและทำให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งยังมีระบบการป้องกัน DDoS ในตัวเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์
บริการ CDN | การป้องกัน DDoS | การกระจายข้อมูล |
---|---|---|
Cloudflare | ประสิทธิภาพสูง | ทั่วโลก |
Amazon CloudFront | ระบบอัตโนมัติ | ทั่วโลก |
Akamai | รองรับการใช้งานขนาดใหญ่ | หลายภูมิภาค |
Fastly | ตอบสนองเร็ว | หลายภูมิภาค |
การสร้างนโยบายความปลอดภัยและการอบรม
การมีนโยบายความปลอดภัยที่ชัดเจนและการสื่อสารกับทีมงานทุกคนภายในองค์กรเป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกคนเข้าใจและปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด การฝึกอบรมความมั่นคงเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความรู้และทักษะให้กับพนักงาน
การสร้างนโยบายความปลอดภัย
นโยบายการรักษาความปลอดภัยที่ดีควรครอบคลุมทุกแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องข้อมูลและการจัดการกับปัญหาความปลอดภัย. สิ่งสำคัญคือต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจนและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง นโยบายที่ดีควรรวมถึงการกำหนดบทบาทของพนักงานในความปลอดภัย การจัดการกับการแจ้งเตือน และการจัดการกับเหตุการณ์ความปลอดภัย
การอบรมทีมงานเกี่ยวกับความปลอดภัย
การฝึกอบรมความมั่นคงนั้นสำคัญ เนื่องจากพนักงานทุกคนมีบทบาทของพนักงานในความปลอดภัย การจัดการอบรมเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้พนักงานฝึกฝนทักษะและเรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ การฝึกอบรมควรรวมถึงการสอนการรับมือกับการโจมตี การประเมินความเสี่ยง และการใช้เครื่องมือความปลอดภัยต่าง ๆ
สรุป
เว็บไซต์ทุกแห่งต้องเผชิญกับความเสี่ยงของการโจมตีจากผู้ไม่หวังดี ดังนั้นการจัดทำ เคล็ดลับความปลอดภัย และ แนวทางการป้องกัน ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมาก การเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจถึงประเภทการโจมตีและผลกระทบตลอดจนการติดตั้งและอัปเดตระบบความปลอดภัยเป็นประจำนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
การใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัยและการจัดการรหัสผ่านอย่างเหมาะสม, การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงผู้ใช้, และการป้องกันจากมัลแวร์เป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ผู้ดูแลเว็บไซต์ควรทราบ โดยการใช้ SSL เพื่อเข้ารหัสข้อมูลและการป้องกันการโจมตีด้วย SQL Injection สามารถทำให้ ระบบการป้องกันเว็บไซต์ ของคุณมีความเข้มแข็งและปลอดภัยยิ่งขึ้น
การตรวจสอบช่องโหว่อย่างสม่ำเสมอ, การสำรองข้อมูลอย่างเป็นระบบ, และการใช้บริการ CDN เพื่อป้องกัน DDoS เป็นแนวทางที่ดีในการป้องกันและตอบสนองต่อการโจมตี สุดท้าย การสร้างนโยบายความปลอดภัยและการอบรมทีมงานเกี่ยวกับความปลอดภัย คือขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงของเว็บไซต์